ว่านหางจระเข้
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vera (L.)
Burm.f.
ชื่อพ้อง : Aloe barbadensis Mill
ชื่อสามัญ : Star cactus,
Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados
วงศ์ : Asphodelaceae
ชื่ออื่น : หางตะเข้ (ภาคกลาง) ว่านไฟไหม้ (ภาคเหนือ)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 0.5-1 เมตร ลำต้นเป็นข้อปล้องสั้น ใบ เป็นใบเดี่ยว
ออกเรียงเวียนรอบต้น ใบหนาและยาว โคนใบใหญ่ ส่วนปลายใบแหลม
ขอบใบเป็นหนามแหลมห่างกัน แผ่นใบหนาสีเขียว มีจุดยาวสีเขียวอ่อน อวบน้ำ
ข้างในเป็นวุ้นใสสีเขียวอ่อน ดอก ออกเป็นช่อกระจะที่ปลายยอด ก้านช่อดอกยาว
ดอกสีแดงอมเหลือง โคมเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 6 แฉก เรียงเป็น 2 ชั้น
รูปแตร ผล เป็นผบแห้งรูปกระสวย
ส่วนที่ใช้ : วุ้นในใบสด ยางในใบ
เหง้า
สรรพคุณ :
วุ้นในใบสด
- บรรเทาอาการปวดศีรษะ
- รักษาแผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้
- ถอนพิษ แก้ปวดแสบปวดร้อน
แผลเรื้อรัง
ยางในใบ - ทำยาดำ เป็นยาระบาย
เหง้า - ต้มเอาน้ำรับประทาน แก้หนองใน
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
บรรเทาอาการปวดศีรษะ
เลือกใบว่านหางจระเข้ที่อยู่ล่างสุด
ใบสด 1 ใบ (เพราะมีตัวยามากกว่า) ฝานตามขวางใบ หนาประมาณ 1/4 ซม. ใช้ปูนแดงทาตรงเนื้อที่มีลักษณะคล้ายวุ้นสีขาวใสๆ
แล้วเอาทางด้านปูนแดงปิดบนขมับ
รักษาแผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ ถอนพิษ
ปอกเปลือกสีเขียวออก
ล้างยางสีเหลืองออกให้หมด ขูดเอาวุ้นใสออกมาทาพอกบริเวณแผลที่ถูกไฟไหม้
หรือน้ำร้อนลวกให้ชุ่ม เปลี่ยนวุ้นทุกวันจนกว่าจะหาย ช่วยระงับความเจ็บปวดด้วยและป้องกันการติดเชื้อ
ช่วยให้แผลหายเร็วและไม่เกิดแผลเป็น
** วุ้นว่านหางจระเข้
ยังใช้ทารักษาผิวไหม้ที่เกิดจากแดดเผาได้
ข้อควรระวัง : ก่อนใช้ว่านทดสอบดูว่าแพ้หรือไม่
โดยเอาวุ้นทาบริเวณท้องแขนด้านใน ถ้าผิวไม่คันหรือแดงก็ใช้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น